อ่านละครสะใภ้จ้าว ตอนที่ 19/5 วันที่ 7 พ.ย. 58
อ่านละครสะใภ้จ้าว ตอนที่ 19/5 วันที่ 7 พ.ย. 58
“นี่เธอจะก่อเรื่องไปถึงไหน ไปตีฝีปากกับเสด็จพี่ จนต้องทรงโทรมารายงานฉัน”
หม่อมวาณีตกใจ “ตายจริง ไปตีฝีปากกับเสด็จท่านเรื่องอะไรลูก”
“จะเรี่องอะไร ก็บังอาจไปอ้างสิทธิ์เรือนหอของเสด็จพี่น่ะซี”
อ่านละครสะใภ้จ้าว ตอนที่ 19/5 วันที่ 7 พ.ย. 58
“นี่เธอจะก่อเรื่องไปถึงไหน ไปตีฝีปากกับเสด็จพี่ จนต้องทรงโทรมารายงานฉัน”
หม่อมวาณีตกใจ “ตายจริง ไปตีฝีปากกับเสด็จท่านเรื่องอะไรลูก”
“จะเรี่องอะไร ก็บังอาจไปอ้างสิทธิ์เรือนหอของเสด็จพี่น่ะซี”
“ตายแล้ว”
ท่านจันทร์สำทับ “รู้ไหมว่าถ้าเด็จป้ากริ้วอะไรจะเกิดขึ้น”
“อะไรจะเกิดก็เกิดไปซีเพคะ หญิงไม่แคร์ คุณรองกับหญิงรักกัน ไม่น่าจะหนักศีรษะหรือพระเศียรใคร”
หม่อมวาณีตระหนกอกสั่น “ว้าย หญิง”
ท่านจันทร์กริ้วจนองค์สั่น ชี้หน้าลูกสาว “เธอหยุดโอหังบังอาจ พูดจาสามหาวก้าวร้าวซะที เรื่องแต่งกับชายรองน่ะอย่าฝันเลย เสด็จพี่ไม่ทรงยอมแน่”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงลุกขึ้นช้าๆ สะบัดผ้าพันคอ 1 ที เชิดหน้า “แต่หญิงจะแต่ง หญิงไม่ยอมให้ความสุขของหญิงถูกทำลาย เพราะยายแก่จอมอคติคนหนึ่งแน่ๆ”
ศศริรัชนีอุทาน “หญิง “
ท่านจันทร์สืบเท้ามา ตบคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงเข้าเต็มแก้ม คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงร้องวี๊ด หมุนไป 2 รอบ แล้วล้มตะแคงลงที่พื้น
หม่อมวาณีถลาเข้ายึดหัตถ์ท่านจันทร์ “ว้าย ท่านเพคะ”
รื่น โรยเข้ากอดกัน ศศิรัชนีเข้าเกาะแขนท่านจันทร์อีกข้าง “ท่านพ่อ ได้โปรดเถิดเพคะ”
ท่านจันทร์ระงับโทสะ มองคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงยังคงนอนระทวยบนพื้น สะบัดหน้ามองพ่อ ดวงตาเจ็บแค้น “ฉันตบเธอเพื่อให้เธอสำนึกว่า เธอมีสายเลือดสูงส่งแค่ไหน อย่ามาแสดงกิริยาวาจาต่ำๆ แบบนี้อีก เสด็จป้าทรงมีพระคุณรดหัวพ่อของเธออยู่ ไม่งั้นเราก็คงต้องไปร่อนเร่เป็นเจ้าไม่มีศาล แล้วเธอก็คงไม่แคล้วต้องไปเป็นนางบังเงาอยู่ข้างถนน”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงกัดริมฝีปาก ท่านจันทร์เสด็จออกไป หม่อมวาณีและศศิรัชนีเข้าประคองคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงขึ้น คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงสะบัด “ปล่อย ดูท่านพ่อทำกับหญิง หญิงไม่ยอม หญิงไม่ยอม”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงวิ่งไปชั้นบน หม่อมวาณีวิ่งตาม ศศิรัชนีนั่งลงช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
รื่น โรยกระซิบกัน “ถ้าผู้ดีเขาเรียกนางบังเงา”
“ถ้าพวกเราเรียกว่า แกงกะหรี่ ใช่ไหม” สองนางเอามือปิดปากตาโต
ห้องนอนคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงนอนร้องไห้อยู่ลำพังบนเตียง เงยหน้าขึ้นเช็ดน้ำตา แก้มที่ถูกตบยังมีรอยช้ำ นึกย้อนที่เสด็จตรัสเมื่อกลางวัน
“ฉันให้เวลาเธอสามวัน ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ แล้วมาให้คำตอบฉันอีกครั้ง”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงคว้าโทรศัพท์มาโทรทันที คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงพึมพำระหว่างหมุนเบอร์ “คำตอบภายในสามวัน ได้ซีเพคะเด็จป้า” คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงพูดสาย “อัศนีย์เหรอ หญิงพูดนะคะ พรุ่งนี้มีธุระให้ช่วยเหลืออีกแล้วละ ช่วยพายายสาลินไปร้านประจำของเราทีค่ะ” หน้าคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงนางร้ายเต็มที่
ร้านอาหารหรู กัปตันเข้ามาประคองอัศนีย์ลงนั่งที่โต๊ะประจำ สาลินช่วยถือไม้เท้าตามมานั่ง อัศนีย์ยังแต่งตัวหรู แต่มีแถบรัดเอวล็อกกล้ามเนื้อ มีเฝือกอ่อนรอบคอ หน้าหมองไปนิดแต่ยังหล่อเท่ห์
สาลินมองอย่างเพลินเพลิน ปนเวทนานิดหนึ่ง พูดเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย “คุณโดนมะพร้าวตกใส่หัว ทำไมถึงเจ็บหลังเจ็บขาได้”
“หัวผมโนเท่าลูกเทนนิสเพิ่งจะยุบแล้วก็ลามไปที่หลัง แต่ที่เจ็บหลังเจ็บขานี่ หมอสันนิษฐานว่าเกิดจากตกท้องร่อง”
สาลินหัวเราะคิก อัศนีย์มองอย่างสงสัย “สวนมันมืด คุณตามเข้าไปทำไม”
“ไอ้มืดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ยังมีตาแก่ถือปืนไล่ยิง มีตาแก่อีกคนโยนมะพร้าวใส่หัวผม แถมยังมีคนแต่งเป็นผีมาหลอกผมด้วย”
“หา....มีผีด้วยเหรอ”
“คนน่ะครับ แกล้งแต่งเป็นผี มีนางทาเนีย เอ๊ย นางตานี หน้าตาคล้ายคุณเสียด้วย”
“บ้า ว่าหน้าฉันเป็นผี ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะ”
“......นี่คุณยื่นใบลาออกหรือยัง”
สาลินถอนใจนิดนึง หน้าสลด “ฉันขอเวลาถึงสิ้นเดือนนะคะ ห้องสมุดจัดงานวันอุทิศหนังสือ ฉันต้องคอยช่วย”
อีกมุม คุณชายรองเดินมาพร้อมคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงมีผ้าคลุมเคลียแก้มข้างที่โดนตบ
“ก็ไม่เป็นไปไรนะคุณรอง เราไม่ได้อยู่เรือนหอในวัง เราสร้างเรือนหอของเราเองก็ได้ เอาให้ใหญ่โตกว่าของเด็จป้าสักสิบเท่า”
“ผมก็คิดอย่างนั้นครับ”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงเหลือบมองอัศนีย์ ทั้งสองพยักพเยิดกัน คุณชายรองเห็นอัศนีย์กับสาลินเข้าพอดีหน้าขรึมลง
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงเอ่ยทักทาย “เจอกันอีกแล้ว บังเอิญจังเลยนะคะ”
“หญิงก้อย คุณชาย สวัสดีครับ แต่.....ขอโทษด้วยที่ผมลุกขึ้นต้อนรับไม่ได้”
“ตาย ไปผจญภัยที่ไหนมาหรือคะ”
อัศนีย์ยิ้มนิดหนึ่ง จงใจพูด “ก็คุณสาน่ะซี พาผมไปบ้าน ไปตกท้องร่องสวนมา”
สีหน้าคุณชายรองยิ้มหยันสาลิน แกล้งหลอกทั้งอัศนีย์ทั้งคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงว่าไม่แคร์สาลินแล้ว “อ้อ นี่ไปส่งกันถึงบ้านช่องเชียวหรือ” สาลินตกใจพูดอะไรไม่ออก
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงยิ้มพราย “ดูเธอมีความสุขจังนะ”
“ค่ะ แต่ก็คงไม่เท่ากับคุณหญิง”
“ใช่ ฉันกำลังมีความสุขที่สุด ใช่ไหมคะคุณรอง”
“แต่ผมกลับไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร เพราะผมเห็นแต่ภาพจากนิทานอีสป” สาลินมองคุณชายรอง “ลูกแกะอวดดีกลายเป็นเหยื่อหมาป่า”
สาลินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกนั่งหน้าเชิด คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงสบตาอัศนีย์อย่างพึงใจ
ห้องน้ำร้านอาหารหรู สาลินยืนซึมอยู่หน้ากระจกห้องน้ำทอดถอนใจ ประตูห้องน้ำเปิดออก คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงเดินเข้ามาแล้วชะงัก ยิ้มอย่างเหนือกว่า สาลินยิ้มนิดๆ
“คอฟฟี่ช็อปนี่ น่าจะมีห้องน้ำสำหรับวีไอพีนะ”
“จริงด้วยค่ะ ถ้ามีเมื่อไร ฉันคงได้เข้าเป็นคนแรก เพราะฉันทำงานอยู่แถวนี้”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงชะงักเลิกคิ้ว “นี่เธอคิดว่า เธอมีอะไรเทียบเคียงฉันได้หรือ”
“ก็มีสองมือสองเท้า และก็สมองที่อาจจะแยกแยะอะไรได้ดีกว่าคุณหญิงน่ะซีคะ”
“ฉันอยากจะขอเตือนด้วยความหวังดี อัศนีย์น่ะไม่เคยรักใครจริง พอสมใจแล้ว เขาก็เขี่ยทิ้ง”
“เหมือนกับที่เขาเคยเขี่ยคุณหญิงทิ้งใช่ไหมคะ” สาลินทำหน้าซื่อยิ้มพราย
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงเหยียดยิ้ม “ฉันต่างหากที่เป็นคนเขี่ยเขาทิ้ง เหมือนรองเท้าเก่าๆ คู่หนึ่ง”
“คุณหญิงก็เลยหวนกลับมาหารองเท้าคู่เก่ากว่า หวังว่าคงใส่สบายนะคะ”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงขยับมาหนึ่งก้าว หน้าเหี้ยม จนสาลินต้องถอย “จำเอาไว้ ฉันไม่ได้หวนไปหาคุณรอง แต่เป็นคุณรองที่หวนกลับมาหาฉัน คงเพราะเขาได้เห็นความไม่จริงใจหรือไร้ราคาในตัวเธอล่ะมัง เขากลับมาโดยยอมให้เด็จป้ากริ้ว ยอมเสี่ยงโดนตัดจากกองมรดก แต่เขาก็ยอมได้ทุกอย่าง.....เพื่อฉัน” สาลินนิ่งอั้นดวงตาหวั่นไหว “แต่คอยดูไป เด็จป้าจะกริ้วได้ไม่นาน อีกหน่อยฉันจะคือสะใภ้เอกของวังวุฒิเวสม์ ในขณะที่เธอเป็นได้แค่นางบำเรอ ในโรงเต้นรำเท่านั้น จำใส่สมองเธอเอาไว้” สาลินพูดไม่ออก “ถ้าสละเวลาจากอัศนีย์สักนิด ลองผ่านมาที่โต๊ะฉันซี ฉันอยากให้เธอได้เห็นได้ยินอะไรบางเรื่อง ที่จะทำให้เธอตระหนักได้เสียทีว่าเธอมันไร้ราคา ไม่มีอะไรเทียบเคียงฉันได้แม้แต่นิด” คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงสะบัดออกไป สาลินยืนซึม
สาลินเดินมาใกล้โต๊ะอาหารคุณชายรองและคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง มีบังตาคั่นโต๊ะอยู่
“ในเมื่อคุณรองต้องทูลเด็จป้าเรื่องของเราภายในสามวัน เราก็ประกาศแต่งงานกันให้เร็วที่สุดเลย ดีไหมคะ”
“แล้วหญิงคิดว่า เร็วที่สุดคือเมื่อไหร่ดี”
“อีกสองเดือนดีไหม”
คุณชายรอง เสียงสูง “อีกสองเดือน”
“เร็วไปเหรอคะ”
“ใครบอก อีกตั้งสองเดือน ทำไมเราไม่แต่งวันนี้พรุ่งนี้ไปเลยล่ะครับ”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงหัวเราะระรื่น “คุณชายนี่เซี้ยวใหญ่แล้ว ให้หญิงเตรียมตัวบ้างซีคะ”
“ก็ได้ครับ งั้นอีกสองเดือนเราแต่งงานกัน แต่หญิงรับได้นะครับที่ผมไม่ใช่คนโปรดของเสด็จป้าแล้ว”
“หญิงรักคุณที่ตัวคุณรอง ที่จิตใจของคุณ เรื่องอื่นไม่สำคัญหรอกค่ะ”
“ชื่นใจจริงๆ” คุณชายรองกุมมือคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงไว้
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงชูแหวนพลอยของคุณชายรองและสร้อยข้อมือเพชรล้อมมุกอย่างแสนปลื้มปิติ สาลินเหมือนโลกถล่มทลาย เดินน้ำตานองหน้าจากมาช้า ๆ
ห้องทำงานวิรงรอง คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงมองไปนอกกระจกสายตายังเคียดแค้น วิรงรอง จิตติน เลื่อมประภัส ฉัตรอาชามองดูอยู่อย่างอึดอักเคร่งเครียด
วิรงรองอยากรู้ “ตกลง พริ้นเซสจะมีพระเสาวนีย์ให้พวกหม่อมฉันทำอะไรล่ะเพคะ”
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงหันมา “ออกข่าวไปให้ทั่ว เอาให้สะเทือนไปให้หมด ไม่ว่าเด็จป้า นังแก่สองคนในวัง นังสะใภ้หน้าโง่ จนถึงนังบรรณารักษ์ศักดิ์ต่ำนั่น”
จิตตินเปรย “จะลงข่าวว่ายังไงครับคุณหญิง”
“ลงไปว่า.....ฉันกับคุณรองจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกสองเดือนข้างหน้า” ทุกคนตะลึงงัน “ลงเป็นสกู๊ปให้ชัดๆ นะ ข่าวนี้มันจะสะเทือนเลื่อนลั่น เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย ให้มันกระเทือนตั้งแต่ในวังไปจนถึงปลายสวน ไม่ให้ใครเป็นสุขเลยสักคน”
คืนนั้น ที่บ้านสวน สาลินนอนร้องไห้กระซิกอยู่บนที่นอนแล้วลุกขึ้นเปิดไฟโคมหัวเตียง หยิบสมุดลายไทยมาเอาหมอนรอง แล้วนอนคว่ำลงเอาหมอนรองใต้คาง วางสมุดลงเขียนนิยาย “สายลมแห่งรัก” เขียนไปได้หน่อยก็ร้องไห้สั่งน้ำมูก หยิบผ้าเช็ดหน้าของคุณชายรองที่ซ่อนไว้ใต้หมอนมากำไว้ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
เย็นวันต่อมา คุณชายรองลงจากรถแถวแยกร้านเสียโป มองเข้าไปในร้าน ชะงักเพราะสาลินนั่งกินข้าวอยู่กับคุณชายเล็ก คุณชายเล็กในชุดหมีท่าทางทั้งคู่ดูซึม ๆ ไม่สดใสอย่างที่เคย คุณชายเล็กยังหันหลังให้คุณชายรอง
“เจ้าพลอีกแล้ว” คุณชายเล็กลุกขึ้นหันหน้ามาเห็นชัด คุณชายรองอึ้งไป “อ้าว....เจ้าเล็ก”
คุณชายเล็กออกจากร้านไปอีกทาง คุณชายรองตรงเข้าร้านทันที
คุณชายรองเข้ามาในร้านเสียโปสาลินนั่งเหม่ออยู่ลำพัง “อะแฮ่ม”
“คุณชาย” สาลินเผลอยิ้มออกมา แล้วรีบเปลี่ยนเป็นเย็นชา เศร้า ๆ “มาทานข้าวเสียโปเหรอคะ”
“จะให้ฉันทานกับเธอไหมล่ะ หรือว่าจะทานแต่กับเจ้าเล็ก”
“เจ้าเล็กไหนคะ ฉันทานอยู่กับคุณพล”
“เฮ้อ....เธอทานกับทั้งสองคนใช่ไหม บอกมาตามตรงเถอะน่า อ้อ หรืออาจจะมีนายอัศนีย์มาทานด้วยอีกคน”
“นี่....ถ้าจะมาหาเรื่องก็เชิญกลับไปเถอะค่ะ เพราะฉันจะกลับแล้วเหมือนกัน”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“ไม่ต้องค่ะ คุณรีบกลับไปหาคุณหญิงของคุณเถอะ”
“ฉันจะคุยกับเธอเรื่องนี้แหละ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ และตอนนี้มีคนอาสาไปส่งฉันแล้ว”
“ใคร”
“ดูเอาเองก็แล้วกันค่ะ มาโน่นแล้ว”
สาลินวิ่งออกจากร้าน รถกระบะของสมชายคุณชายเล็กขับแล่นมารับสาลิน คุณชายรองหลบอยู่ในร้านแอบมองมา รถกระบะแล่นจากไป คุณชายเล็กไม่เห็นคุณชายรอง คุณชายรองหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมาทันที
คุณชายเล็กและ สาลินนั่งกันอยู่ที่ท่าน้ำ ต่างคนต่างสีหน้าอมทุกข์ มองเหม่อไปคนละทิศ มีทั้งขนมและโอเลี้ยง
คนละแก้ว ใต้ถุนบ้าน คุณตาคุณยาย ยายพิณแอบมองอยู่
คุณยายบ่น “นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนี้มาสิบนาทีแล้วนะ”
คุณชายเล็ก สาลินถอนหายใจเฮือกออกมาพร้อมกัน ถึงได้เริ่มรู้สึกตัว
“เป็นไรรึเปล่าครับคุณสา เห็นคุณเหม่อแล้วถอนใจหลายหนแล้ว”
“ฉันกำลังจะถามคุณเหมือนกัน”
“ผมมีเรื่องวุ่นๆ ที่วังนิดหน่อยน่ะครับ”
“ที่วัง? วังวุฒิเวสม์น่ะเหรอคะ”
“เออ....ครับ เรื่องของเจ้าคุณชายรองนั่นแหละครับ คุณชายเล็กเพื่อนผมก็เลยหัวปั่นไปด้วย”
“เออ ใช่ซีนะ วันนั้นคุณไปวังวุฒิเวสม์พอดีนี่ ฉันเห็นรถคุณจอดหราอยู่”
คุณชายเล็กสะดุ้งเฮือก “หรือฮะ”
“คุณไปหาอีตาคุณชายเล็กหรือ”
“ก็...คล้าย ๆ อย่างงั้นแหละฮะ แล้วคุณล่ะ กลุ้มใจอะไร”
“ฉันสงสารพี่ศรี พี่ศรีต้องอกหักอยู่อย่างนี้ อีกไม่กี่วันเขาคงประกาศข่าวแต่งงานกันแล้ว”
“ดูเผินๆ เหมือนคุณ...อกหักซะเอง” สาลินสะดุ้งบ้าง หลบตาคุณชายเล็ก คุณชายเล็กซึมไปเมื่อนึกถึงศรีจิตราที่ยังรักคุณชายรองอยู่ และนึกถึงสาลินที่คงรักคุณชายรองเช่นกัน คุณชายเล็กตัดใจแล้วตัดสินใจพูด “คุณสาครับ ถ้าผม ผม เออ มาสารภาพรักกับคุณ คุณจะคิดว่ายังไง”
“รักฉัน?”
“ครับ”
“งั้น.....ฉันก็จะรักคุณตอบไง” คุณชายเล็กยิ้มกว้าง “รัก....ให้คุณเป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนรัก เป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน”
คุณชายเล็กเจื่อน “โธ่.....ผมเป็นได้แค่เพื่อนหรือพี่ชายเท่านั้นเหรอครับ”
“ความรักฉันเพื่อนนี่แหละเยือกเย็น มั่นคง ยั่งยืน และไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด” สาลินมีแววเศร้าพลุ่งขึ้น
คุณชายเล็กก็พอเดาได้ “คุณสา คุณพูดยังกะคุณกำลังเจ็ดปวดกับความรักอย่างงั้นแหละ”
“ฉันจะไปกล้ารักใคร แค่เห็นพี่ศรีรักเขาข้างเดียว ก็เจ็บแทนแล้ว” คุณชายเล็กอึ้งบ้าง หน้าหมองลง “นี่คุณเป็นอะไรไป อย่าบอกนะว่า ฉันให้คุณเป็นเพื่อนคุณเลยอกหัก”
คุณชายเล็กยิ้มออก “เปล่าฮะ ผมแค่โล่งใจอะไรบางอย่าง”
“เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เสียดายไม่มีสุราสาบาน”
“เอากาแฟก็แล้วกันฮะ” ทั้งคู่ยกแก้วโอเลี้ยง กรีดนิ้วออกคล้ายจับจอกเหล้าในหนังกำลังภายใน
“พล ไต้เฮียบ (สุภาพบุรุษ) เชิญ”
“สา โกวเนี้ย (คุณหนู) เชิญ” ทั้งคู่กระดกโอเลี้ยงดื่ม
“มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”
“ให้อภัยเพื่อนทุกครั้งที่ทำผิด”
“ฮ่อ” ทั้งคู่รับพร้อมกัน
คุณตาคุณยายงง “อ้าว ซดโอเลี้ยงกันเสียแล้ว”
“แน่แล้วค่ะ คุณพลไม่ใช่เนื้อคู่ กระดูกคู่หรอกค่ะ” ยายพิณย้ำ
อ่านละคร สะใภ้จ้าว ตอนที่ 19/5 วันที่ 7 พ.ย. 58
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว บทประพันธ์โดยรจนา
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว บทโทรทัศน์โดย วุสิทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว กำกับการแสดงโดย ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว แนวโรแมนติก-คอมเมดี
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.20 น.
ติดตามชมละครเรื่อง สะใภ้จ้าว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง สะใภ้จ้าว นักแสดงนำ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ,พิจักขณา วงศารัตนศิลป์
ที่มา ไทยรัฐ